เนื้อหาบทความ

อานิสงส์ของการสวดมนต์ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ โต ได้ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวบูชาพระรัตนตรัย เมื่อจบแล้ว ท่านจึงเทศน์เรื่อง "อานิสงส์ของการสวดมนต์" โดยมีใจความบางตอนว่า...

"...คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การสวดมนต์มีประโยชน์น้อยและเสียเวลามาก หรือฟังไม่รู้เรื่อง ความจริงแล้ว การสวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า
พระองค์มีคุณวิเศษอย่างไร? พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร? และพระสงฆ์อริยเจ้ามีคุณเช่นไร?
การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณาจนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจจะเป็นคุณอย่างยิ่ง
ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์ นั่นคือ จะทำให้ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้

สมเด็จฯ ท่านยังกล่าวอีกว่า...

มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำสอนซึ่งกล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ มี 5 โอกาส คือ

  1. เมื่อฟังธรรม
  2. เมื่อแสดงธรรม
  3. เมื่อสาธยายธรรม นั่นก็คือ การสวดมนต์
  4. เมื่อตรึกตรองธรรม หรือ เพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น
  5. เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ

การสวดมนต์ในตอนเช้าและตอนเย็น เป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา บรรดาพุทธบริษัทั้งหลาย ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์
โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้าเป็น 2 เวลา 

ตอนเช้า เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจที่เศร้าหมองให้หมดไป เพื่อสำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพาน
การสวดมนต์ นับเป็นการดีพร้อม ซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง 3 คือ

  1. กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรวม
  2. ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย
  3. วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญถึงพระคุณอันประเสริฐในพระคุณทั้ง 3 พร้อมเป็นการขอขมาในการผิดพลาด

.....

ท่านเจ้าประคุณฯ ยังกล่าวรับรองอีกว่า...

อาตมภาพขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า หากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้าและเย็นไม่ขาดแล้ว
บุคคลนั้นย่อมเข้าสู่แดนพะรอรหันต์อย่างแน่นอน

การสวดมนต์นั้น ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดังพอสมควร ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่จิตตนและประโยชน์แก่จิตผู้อื่น

ประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสียงภายนอก ไม่ให้เข้ามารบกวนจิตของเรา ทำให้เกิดความสงบอยู่กับบทสวด เกิดสมาธิและปัญญาในจิตใจของผู้สวด

ประโยชน์แก่จิตผู้อื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงสวดมนต์ จะพลอยได้เกิดความรู้ เกิดปัญญา มีจิตสงบลึกซึ้งตามไปด้วย
ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วย โดยการให้ทานทางเสียง เหล่าพรหมเทพที่ชอบฟังเสียงในการสวดมนต์ มีอยู่จำนวนมาก ก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมากมาย

เมื่อมีเหล่าพรหมเทพเข้ามาล้อมรอบตัวของผู้สวดอยู่เช่นนั้น ภัยอันตรายต่างๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกร้ำกรายผู้สวดมนต์ได้ตลอดจนอาณาเขตและบริเวณบ้านของผู้สวดมนต์
ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเทวดาทั้งหลายคุ้มครองภัยอันตรายได้อย่างดีเยี่ยม

....ท่านเจ้าประคุณฯ  กล่าวเสริมอีกว่า....

ดูก่อนท่านเจ้าพระยาและอุบาสก อุบาสิกา ในที่นี้
การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
เมื่อจิตมีที่พึ่ง คือ คุณพระรัตนตรัย ความกลัวก็ดี ความสะดุ้งกลัวก็ดี ความขนพองสยองเกล้าก็ดี
ภยันตรายใดๆ ก็ดี จะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์ นั่นแล ฯ

 

อนึ่ง หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ยังได้กล่าวถึงอานิสงส์การสวดมนต์ไว้ว่า....

" การสวดมนต์ อานิสงส์ใหญ่จริงๆ อยู่ที่เจตนา จิตมีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์จริง
เวลาสวดก็สวดด้วยความเคารพจริง ถึงสวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่
ถ้าสวดเรื่อยเปื่อยว่าส่งเดช ไม่ตั้งใจ อย่างนี้ สวดมากก็มีอานิสงส์น้อย "


สาระที่นำมาเสนอในวันนี้อ้างอิงและขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ "สวดมนต์เสริมบารมี" หน้า 7-10
เรียบเรียงโดย พ.กันตสิริ เปรียญ
หนังสือธรรมะในเครือ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด